Air Freight vs Ocean Freight เลือกขนส่งทางอากาศหรือทางเรือดี?

ในการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ หนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาคือ ควรเลือกขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) หรือทางเรือ (Ocean Freight)? การเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสมจะส่งผลต่อ ต้นทุน ระยะเวลา และความสะดวกของธุรกิจ ของคุณโดยตรง ในบทความนี้ The Cargo Express Logistics จะพาคุณมาทำความเข้าใจข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี รวมถึงปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

Air Freight (ขนส่งทางอากาศ): รวดเร็ว ทันใจ แต่ราคาสูง

Air Freight คือ การขนส่งสินค้าทางอากาศโดยใช้เครื่องบินพาณิชย์หรือเครื่องบินขนส่งสินค้า (Cargo Aircraft) เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว หรือมีมูลค่าสูง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องมือแพทย์ หรือสินค้าแฟชั่นที่ต้องการส่งถึงมือลูกค้าโดยเร็ว

ข้อดีของ Air Freight

✅ ความรวดเร็ว – Air Freight เป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุดในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการจัดส่ง เทียบกับการขนส่งทางเรือที่ใช้เวลานานกว่า

✅ ความปลอดภัยสูง – ความเสี่ยงต่อความเสียหายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือ

✅ เหมาะกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงหรือเน่าเสียง่าย – เช่น อัญมณี อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าแฟชั่น และวัตถุดิบอาหาร

✅มีเที่ยวบินบ่อย: เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องส่งเป็นประจำและต้องการความต่อเนื่อง

ข้อเสียของ Air Freight

❌ ค่าใช้จ่ายสูง – ค่าขนส่งทางอากาศแพงกว่าทางเรือหลายเท่า โดยคิดตามน้ำหนัก หรือขนาดของสินค้า (Chargeable Weight) ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือขนาดใหญ่มาก

❌ ข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนัก – สินค้าขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมากอาจไม่สามารถขนส่งทางอากาศได้ หรืออาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

Ocean Freight (ขนส่งทางเรือ): คุ้มค่า แต่ใช้เวลานาน

Ocean Freight คือ การขนส่งสินค้าทางทะเลโดยใช้เรือขนส่งสินค้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ FCL (Full Container Load) สำหรับสินค้าปริมาณมากที่ต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์เต็มตู้ และ LCL (Less than Container Load) สำหรับสินค้าปริมาณไม่เยอะที่แชร์พื้นที่ในตู้คอนเทนเนอร์กับสินค้าอื่น

ข้อดีของ Ocean Freight

✅ ต้นทุนต่ำกว่าทางอากาศ – การขนส่งทางเรือมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก โดยเฉพาะเมื่อขนส่งสินค้าจำนวนมากหรือมีน้ำหนักมาก

✅ เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่ – สามารถขนส่งสินค้าได้เกือบทุกขนาดและประเภท ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ เครื่องจักร สินค้าขนาดใหญ่ หรือของเหลว

✅มีเส้นทางขนส่งครอบคลุมทั่วโลก – รองรับการขนส่งสินค้าจำนวนมากไปยังทุกทวีป

✅ มีตัวเลือกหลากหลาย – เลือกได้ระหว่าง FCL (Full Container Load) และ LCL (Less than Container Load) ตามปริมาณสินค้า

ข้อเสียของ Ocean Freight

❌ ใช้เวลานานกว่า – การขนส่งทางเรืออาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนขึ้นอยู่กับปลายทาง

❌ ความเสี่ยงต่อความล่าช้า – การขนส่งทางเรืออาจเจอปัญหาเรื่องสภาพอากาศ ความล่าช้าในการโหลดสินค้า และปัญหาทางศุลกากร

❌ ความปลอดภัยต่ำกว่าทางอากาศ – โอกาสที่สินค้าจะเสียหายหรือสูญหายสูงกว่า โดยเฉพาะในกรณีที่ขนส่งสินค้าร่วมกับผู้อื่น (LCL) และในกรณีที่สินค้าต้องมีการเปลี่ยนถ่ายลำ (Transit)

เปรียบเทียบ Air Freight vs Ocean Freight

ปัจจัย	ขนส่งทางอากาศ (Air Freight)	ขนส่งทางเรือ (Ocean Freight)
ค่าใช้จ่าย	สูง	ต่ำ
ระยะเวลา	1-7 วัน	ขึ้นอยู่กับปลายทาง
เหมาะกับสินค้า	สินค้ามูลค่าสูง, สินค้าที่ต้องการส่งด่วน, สินค้าที่เน่าเสียง่าย	สินค้าขนาดใหญ่, สินค้าปริมาณมาก
ความปลอดภัย	สูง	สูง - ปานกลาง (ในกรณีที่สินค้าเป็น LCL หรือ/และต้อง Transit)
ข้อจำกัดด้านขนาด	จำกัดขนาด และน้ำหนัก	สามารถขนส่งได้ทุกขนาด

ควรเลือก Air Freight หรือ Ocean Freight ดี?

เลือก Air Freight ถ้า...

✈ คุณต้องการขนส่งสินค้าด่วนและยอมรับต้นทุนที่สูงขึ้น

✈ สินค้าของคุณมีมูลค่าสูง, เน่าเสียง่าย หรือมีความเปราะบาง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องมือแพทย์, สินค้าแฟชั่น หรือวันถุดิบอาหาร

เลือก Ocean Freight ถ้า...

🚢 คุณต้องการลดต้นทุนการขนส่ง และสามารถรอระยะเวลานานขึ้นได้

🚢 สินค้าของคุณมีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร วัตถุดิบการผลิต

The Cargo Express Logistics

ผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ของคุณ ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้ The Cargo Express Logistics พร้อมให้บริการชิปปิ้ง ครบวงจร Freight Forwarder ทั้ง Air Freight และ Ocean Freight รวมถึง Customs Clearance (เคลียร์ภาษีศุลกากร) และ บริการขนส่งภายในประเทศ เพื่อให้การนำเข้าส่งออกของคุณเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เรามีทีมงานมืออาชีพที่ให้คำแนะนำ และช่วยเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ